แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ผงาดขึ้นคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ในรอบ 44 ปี แบบช็อกโลก หลังจากได้สองประตูติดกันในช่วงทดเวลาบาดเจ็บที่แสนนานนน พลิกกลับมาชนะควีนส์พาร์ค เรนเจอร์ส 3-2 ในพรีมียร์ลีกเกมส่งท้ายเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคมที่ผ่านมา
วันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคม 2555
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-2 ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส
Highlights
Celebration
พรีเมียรชิพเกมส่งท้ายของฤดูกาล แมนซฺตี้ เจ้าบ้าน ต้องลุ้นสามแต้มเต็มเพื่อคว้าแชมป์ครั้งแรกในรอบ 44 ปี ขณะที่ทีมเยือนก็ต้องลุ้นเอาตัวรอดในปีนี้ให้ได้
เริ่มเกมแข้งเรือใบสีฟ้เาพยายามบีบเกมขึ้นมาสูงเพื่อหวังทำประตูขึ้นนำให้ได้เร็วแล้วก็มีโอกาสในนาที 6 จากจังหวะที่อเกวโร่ใช้ความขยันวิ่งซอยเท้ายิกๆไปเก็บบอลที่สุดเส้นหลังด้านขวาก่อนปั๊มบอลผ่านตัวประกบแล้วเปิดคืนให้เตเวซซัดด้วยซ้ายโดนไม่เต็มแต่บอลยังปลิ้นไปเข้าทางยาย่าได้กระทุ้งอีกทีแต่ก็โดนขวางทำให้ยิงไม่ถนัดบอลเลยพุ่งหลุดกรอบ
แบร์รี่แทงบอลทะลุไปให้เตเวซทางฝั่งซ้ายก่อนที่หัวหอกอาร์เจนไตน์เล่นสั้นไปยังซิลบาแล้ววิ่งทำทางเข้าไปในเขตโทษทว่าปีกสแปนิชไม่ยอมจ่ายคืนโดนเลือกแตะออกข้างเพื่อเปิดมุมแล้วสับไกยิงไปติดเซฟของเคนนี่ที่เสาแรก ในนาทีที่ 16
เล่นไปในเกิอบท้ายครั้งแรก ดูเหมือนว่ายาย่า ตูเร่ จะมีอาการบาดเจ็บแถวแฮมสตริงก่อนล้มลงกองบนพื้นแป๊ปนึงแล้วส่งสัญญาให้ไมค์ ดีนทราบว่ายังไหว ขณะที่กองเชียร์รอบเอติฮัดก็ส่งเสียงโห่กดดันใส่เคนนี่นายด่านคิวพีอาร์ที่งัดแท็คติกถ่วงเวลามาใช้
ประตูแรกของซิตี้ มาแบบมีโชคเล็กๆ เมื่อซาบาเลต้าขึ้นเกมมาทางริมเส้นด้านขวาก่อนเปิดไปติดบล็อกเลยหันมาเล่นสั้นประสานงานกับเพื่อนแล้ววิ่งทำทางเข้าไปในเขตโทษก่อนที่ยาย่าผ่านบอลตามมาให้ได้กดเต็มข้อติดปลายมือเคนนี่แต่ด้วยความแรงบอลยังสปินเข้าไปซุกก้นตาข่ายที่เสาไกลทำให้เจ้าบ้านออกนำ 1-0 นาทีที่ 39 เมื่อจบครึ่งแรก
ขณะที่ยาย่า ตูเร่ซึ่งเพิ่งโดนเปลี่ยนตัวออกไปหลังมีอาการบาดเจ็บแล้วให้ไนเจล เด ยองก์ลงมาแทนช่วงท้ายครึ่งแรกนั้นอาจกลายเป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์ลูกหนังพรีเมียร์ลีกที่คว้าแชมป์ได้ในวันเกิดของตัวเองพอดี
กลับมาเล่นครึ่งหลังได้เพียงสามนาทีกองเชียร์เจ้าบ้านต้องเงียบกริบเมื่อเลสค็อตต์ไปโหม่งสกัดพลาดทำให้บอลไปเข้าทางซิสเซ่ได้จับแล้วแต่งบอลก่อนซัดผ่านตัวฮาร์ทไปเสียบเสาขวาเป็นประตูตีเสมอ 1-1 ทำให้โมเมนตรัมไปเข้าทางแมนฯยูเสียแล้ว
อย่างไรก็ตามควีนส์ปาร์คก็ดีใจอยู่ไม่นานเมื่อนาที 54 ต้องมาเหลือผู้เล่นแค่สิบคนหลังบาร์ตันมาโดนใบแดงไล่ออกจากสนามหลังไปเล่นนอกเกมด้วยการศอกใส่หน้าเตเวซ พอจังหวะชุลมุนก็ยังไม่เข่าใส่อเกวโร่อีกแถมยังมีคอมโบอีกชุดด้วยการเฮ้ดบัตต์ใส่ก็องปานี จนริชาร์ดส์ต้องลุกจากม้านั่งสำรองมากันออกไปแล้วยังเกือบมีปัญหาอีกหลังบาโลเตลี่ขอมีส่วนร่วมโดยเดินเข้าไปยั่วบาร์ตันเป็นการส่งท้าย งานนี้มีแบนยาวแน่นอน
พอตัวมากกว่าแมนเชสเตอร์ ซิตี้รีบลุยเข้าใส่ทันทีโดยที่นาที 56 นาสรี่สบโอกาสยิงไปโดนเคนนี่เซฟเอาไว้ได้ด้วยขา ขณะที่อีกสองนาทีถัดมานายด่านทีมเยือนก็โชว์ซูเปอร์เซฟอีกสองครั้งซ้อนเริ่มจากการบล็อกลูกยิงของเตเวซแล้วตามด้วยการป้องกันการวัลโวของอเกวโร่ในจังหวะถัดมา
บุกเพลินมากไป"เรือใบสีฟ้า"ก็เจอทีเด็ดของตัวสำรองควีนส์ปาร์คเล่นงานจนได้เมื่อนาที 65 ตราโอเร่ที่เพิ่งลงสนามมาไม่นานกระชากบอลขึ้นมาทางกราบซ้ายก่อนบรรจงเปิดเข้าไปหน้าประตูให้แม็กกีวิ่งเข้าโขกกดลงพื้นผ่านมือฮาร์ทเข้าไปตุงตาข่ายให้ทีมเยือนพลิกนำ 2-1 โอกาสคว้าแชมป์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมาแล้ว
โดนแซงนำไปแบบนี้แถมตัวยังมากกว่าก็ยิ่งทำให้"เรือใบสีฟ้า"เลือดขึ้นหน้าเปิดเกมรุกเต็มสตรีมจนนาที 73 ก็มีโอกาสจากการโหม่งของเตเวซแต่ถูกปฏิเสธไว้ได้โดยเคนนี่แถมจังหวะเข้าซ้ำของซาบาเลต้าก็ดันไปแฉลบออกหลังประตูอีก
นาที 79 อเกวโร่เก็บบอลได้ที่เส้นข้างสนามก่อนล็อกตัดเข้าในมาจ่ายให้เซโก้ทว่าเคนนี่ออกไปดักเลยทำให้กองหน้าบอสเนียกดหลุดเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย ขณะที่นาทีถัดมาบาโลเตลลี่ที่ลงมาแทนเตเวซก็ได้อัดเต็มข้อแต่เคนนี่ยังชกออกไปอีก
ซิตี้มาสร้างปฏิหารณ์เมื่อเซโก้มาโขกลูกเตะมุมเข้าไปในช่วงทดเจ็บนาที 2 แถมต่อจากนั้นอีกสองนาทีอเกวโร่โซโล่เดี่ยวฝ่าแนวรับทีมเยือนเข้าไปยิงผ่านเคนนี่อย่างสวยงามให้ทีมพลิกแซง 3-2
แมนฯซิตี้ คว้าแชมป์ลีกสูงสุดเป็นหนแรกในรอบ 44 ปีโดยถือเป็นสมัยที่ 3 ต่อจากฤดูกาล 1936-37, 1967-68 แต่หากนับเฉพาะในพรีเมียร์ลีกก็เป็นสมัยแรกและเป็นทีมที่ 5 ที่ขึ้นแท่นครองแชมป์ต่อจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส, อาร์เซน่อลและเชลซี
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : โจ ฮาร์ท 6, ปาโบล ซาบาเลต้า 7, แว็งซ็องต์ ก็องปานี 5.5, โจลีออน เลสค็อตต์ 5, กาแอล กลิชี่ 6, แกเร็ธ แบร์รี่ 5.5 (เอดิน เซโก้ น.69 7), ยาย่า ตูเร่ 6 (ไนเจล เด ยองก์ น.45, 5.5), ดาบิด ซิลบา 6, คาร์ลอส เตเบซ 5 (มาริโอ บาโลเตลลี่ น.76 6), ซามีร์ นาสรี่ 6, เซร์กิโอ อเกวโร่ ***7.5
ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส : แพ็ดดี้ เคนนี่ 7, เนดุม โอนูฮา 6, แอนทอน เฟอร์ดินานด์ 6.5, คลินท์ ฮิลล์ 7, ไต ตาอิโว่ 6, เจมี่ แม็คกี้ 7, โจอี้ บาร์ตัน 4, ฌอน เดอร์รี่ย์ 6, ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ 6, ฌิบริล ซิสเซ่ 6 (อาร์ม็องด์ ตราโอเร่ น.59 6), บ็อบบี้ ซาโมร่า 5.5 (เจย์ โบธรอยด์ น.76, 5)
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีกนัดส่งท้ายฤดูกาล
เชลซี ชนะ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 2-1
เอฟเวอร์ตัน ชนะ นิวคาสเซิ่ล 3-1
แมนเชสเตอร์ ซิตี ชนะ ควีนส์พาร์ค เรนเจอร์ส 3-2
นอริช ซิตี้ ชนะ แอสตัน วิลล่า 2-0
สโต๊ค ซิตี้ เสมอ โบลตัน 2-2
สวอนซี ชนะ ลิเวอร์พูล 1-0
ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ชนะ ฟูแล่ม 2-0
เวสต์บรอมวิช อัลเบี่ยน แพ้ อาร์เซน่อล 2-3
วีแกน ชนะ วูล์ฟส 3-2
0 ความคิดเห็น:
Speak up your mind
Tell us what you're thinking... !